เลือกซื้อการ์ดจออย่างไร ให้ตรงกับการใช้งาน

มีหลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์อยู่ทุกวัน แต่กลับไม่รู้ส่วนประกอบและองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ ไม่รู้จักก็ไม่ผิด แต่รู้ไว้ก็น่าจะดีกว่า

เพราะการที่เราเข้าใจและรู้จักส่วนประกอบที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ จะช่วยให้เราดึงศักยภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

วันนี้เลยจะมาพูดถึงส่วนประกอบสำคัญอย่าง ‘การ์ดจอ’ โดยภาพรวมมันเป็นชิ้นส่วนที่ประมวลผลการแสดงภาพขึ้นที่หน้าจอ ซึ่งในเรื่องของความละเอียดของภาพ หรือความเร็วในการประมวลภาพ ก็จะขึ้นอยู่ประสิทธิภาพการ์ดจอที่เราใช้ หากใช้คอมพื้นฐานทั่วไปการ์ดจอธรรมดาที่มากับเมนบอร์ดก็สามารถใช้ได้

แต่หากต้องมีการทำงานที่ต้องใช้ละเอียด เช่น งานกราฟิก งานตัดต่อ เราอาจจะต้องเลือกการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม และในส่วนของพาร์ท Gaming ก็จะเป็นอีกระดับนึง แล้วเราควรพิจารณาการซื้อการ์ดจออย่างไร ให้ตรงกับการใช้งาน วันนี้มีคำตอบ!

สามารถฟังบทความแทนการอ่านได้แล้วนะ! คลุมดำ ข้อความที่ต้องการฟัง เว็บไซต์ก็จะช่วยอ่านให้อัตโนมัติ! หากต้องการหยุดอ่านให้กดปุ่ม Stop
และอย่าลืมกดปุ่ม Allow เพื่อเปิดการฟังเสียงก่อนด้วย!

1. รู้และเข้าใจรหัสการ์ดจอก่อนซื้อ

credit : thecoldwire.com

 

ทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ผลิตชิพการ์ดจอมีอยู่หลัก ๆ 2 เจ้าในตลาด นั่นคือ NVIDIA ก็ดีหรือ AMD ที่ทำการผลิดตัวชิพมาในส่วนของสาย Gaming และ Workstation

สิ่งที่ควรรู้ต่อมาคือ การดูรหัสการ์ดจอ โดยทั้งสองเจ้าก็จะดูคล้าย ๆ กันเลย ยกตัวอย่างเช่น

GTX 690 กับ GTX 680 จะหมายความว่า GTX 690 แรงกว่า GTX 680 

เพราะเลขลำดับที่สองมีจำนวนมากกว่า แต่อย่างไรทั้งสองตัวก็ยังมีเทคโนโลยีเท่ากันนั่นเอง

โดยการ์ดจอบางตัวจะมีตัวอักษรต่อท้ายอย่าง Redeon R9 290X ให้เข้าใจเลยว่า X เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพจากรุ่นเดิมให้แรงขึ้นกว่าเก่า

2. วัตถุประสงค์ของการใช้งาน

อย่างที่บอกว่าไม่มีใครรู้จักตัวเราเองได้ดีไปกว่าตัวเอง ฉะนั้น เราควรพิจารณาวัตถุประสงค์การใช้งานของตัวเองก่อนเลยว่า เราจะใช้งานคอมพิวเตอร์ไปในทิศทางไหน เนื่องจากการ์ดจอมีหลายรุ่น มีหลายสเปค

ซึ่งมันก็จะจำแนกตามการใช้งานออกไป โดยสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักได้ ดังนี้

1. การ์ดจอ On-Board
หรือที่เรียกว่าการ์ดจอแบบทั่วไปที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งการ์ดจอแบบนี้จะเหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน เช่น ทำงานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลงได้แบบปกติ ส่วนมากก็จะเป็นรุ่นการ์ดรุ่น GT ของ Nvidia หรือ HD ของ AMD 

2. การ์ดจอสำหรับทำงาน
จะเหมาะกับคนที่ทำงานสายกราฟิก ต้องทำงานวาดภาพสเกลใหญ่ ๆ โดยการ์ดจอทำงานจะมีรหัสเป็น Quadro, Tesla ของ Nvidia และ Firepro, Vega ของ AMD

3. การ์ดจอสำหรับเล่นเกม
สำหรับสายเกมเมอร์ต้องเลือกการ์ดจอที่เน้นเรื่อง Resolution ที่มีความละเอียดสูง แต่ก็ต้องยอมรับว่ากินไฟสูงมากเช่นกัน โดยตัวเลือกที่เหมาะสมก็ยกตัวอย่างเช่น GeForce
gtx 1650 ของ Nvidia และ Radeon rx 6600 ของ AMD

3. Power supply (PSU)

credit : pcgamer.com

พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply Unit หรือ PSU) เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่ไม่ควรมองข้ามเลยเนื่องจากการ์ดจอเป็นสิ่งที่ใช้ไฟเยอะมากที่สุด

เราต้องพิจารณาว่าเรามี Power Supply ที่ดีมีประสิทธิภาพ และสามารถจ่ายกระแสไฟไปเลี้ยงได้อย่างเพียงพอ เพราะฉะนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ ควรมีการเช็คกำลังไฟของ Power Supply ที่มีอยู่ด้วย ว่าสามารถจ่ายพลังงานให้การ์ดจอไหวหรือไม่ เพราะหากประสิทธิภาพของอุปกรณ์ทั้ง 2 ไม่สัมพันธ์กัน ก็อาจจะทำให้ชิ้นส่วนอื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์เกิดไหม้ได้

4. ความจุของ Ram

credit : unsplash.com

หน่วยความจำแรม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล โดยมันจะทำหน้าที่รับส่งข้อมูลไปให้ CPU ประมวลผลโดย VGA ซึ่งมันจะช่วยให้การประมวลผลทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

พูดง่าย ๆ เลยคือ ถ้าหน่วยความจำของการ์ดจอยิ่งสูง มันก็จะยิ่งเร็ว

เพราะนั่นหมายความว่า มีพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูลของการ์ดจอ(แคช) สำหรับรอการเรียกใช้มาก แต่ก็ควรพิจารณาควบคู่กับ Bandwidth และ Bus width เพราะมันเป็นเหมือนช่องทางการรับส่งข้อมูล ถ้าหากค่า Bus Width สูง เราก็จะมีช่องทางสำหรับส่งข้อมูลกว้างขึ้น ทำให้การส่งข้อมูลก็จะเร็วขึ้นนั่นเอง

5. ระบบระบายความร้อนของการ์ดจอ

credit : notebookspec.com

สิ่งที่สำคัญที่สุดของ PC คือ การระบายความร้อนที่เพียงพอ ทำไมระบบระบายความร้อนถึงสำคัญ ?

นั่นก็เพราะว่า หากการระบายความร้อนไม่เพียงพอ คุณจะไม่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการ์ดที่คุณมี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ก็คือ

  • การ์ดจอแบบ Reference
  • การ์ดจอแบบ Non-Reference

แต่การ์ดจอแบบ Non-Reference จะมีดีไซน์ที่สวยกว่า ประหยัดไฟกว่า และจะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่านิดหน่อย สเปครองรับการเล่นเกมได้ดีกว่า แต่การ์ดจอแบบ Reference ก็รองรับเกมได้ดีเช่นกัน แต่ก็เหมาะกับคนเล่นเกมไม่หนักมาก สลับกับการทำงานบ้าง ตัวนี้ก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า

6. เลือกให้เหมาะสมกับคอมและอุปกรณ์

credit : creativebloq.com

ความสำคัญที่ไม่อยากให้มองข้ามเลยก็คือ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ โดยเฉพาะพวก CPU ที่ใช้ ควรเลือกให้สัมพันธ์กันกับการ์ดจอด้วย

เพราะหากเรายังใช้ CPU รุ่นเก่าอยู่ การเลือกซื้อการ์ดจอแพง ๆ ระดับเทพ ก็อาจจะส่งผลเสียได้ เช่น การ์ดจอทำหน้าที่ได้ไม่ถึงประสิทธิภาพที่ตัวเองมี อย่างหน้าจอก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินทิ้งโดยใช่เหตุ เราก็ควรพยายามเลือกหน้าจอความละเอียดไม่ต่ำกว่า 1280×1024 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด!

ถ้างบเหลือก็อาจจะเอาไปซื้ออุปกรณ์เสริมหรือ Custom อุปกรณ์ได้ เช่น การ Custom คีย์บอร์ด ประเภท Barebones จาก Glorious gmmk pro ที่ดีไซน์โดดเด่น มีเสียงกดเป็นเอกลักษณ์ พร้อมให้สัมผัสการกดที่นุ่มนวล บอกเลยว่าอินเนอร์ความเป็นเกมเมอร์ไม่ไกลเกินเอื้อม!

สรุป

หลังจากทำความรู้จักกับการ์ดจอแล้ว ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจเกี่ยวกับมันมากขึ้น และสำหรับวิธีเลือกซื้อการ์ดจอนั้น มีหลายอย่างที่จะพิจารณา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หัวใจหลักของการเลือกซื้อการ์ดจอ ก็คงยังเป็นเรื่องของการใช้งานอยู่ ประกอบกับการที่เราต้องดูความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ของเราด้วย ว่ามันจะทำงานร่วมได้เวิร์คขนาดไหน หากการ์ดจอตัวที่เลือกมาเทพสุด แพงสุด แต่อุปกรณ์อื่นรับไม่ไหวหรือไม่รองรับ ก็คงเสียเงินทิ้งแน่!

แต่อย่างไรก็ตามในการเลือกซื้อการ์ดจอ เราก็ควรให้ความสำคัญกับงบประมาณไปพร้อม ๆ กัน

หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่หวังว่า ทุกคนจะได้รู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับการ์ดจอมากยิ่งขึ้น และสามารถเลือกซื้อการ์ดจอได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้การ์ดจอที่เหมาะสมกับคุณ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเต็มที่ ในราคาที่ไม่เกินงบประมาณที่ตั้งไว้

ติดตามพวกเราได้ที่

Website

Facebook

Youtube

Facebook Comments Box
This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.