ดูก่อนซื้อ! Gaming Keyboard พิเศษอย่างไร? มีกี่แบบ กี่รุ่น แบบไหนคุ้มไม่คุ้ม

เอ๊ะ รู้สึกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้อยู่ มันตอบสนองไม่ดีเอาซะเลย เวลาเล่นเกมแล้วฟิลลิ่งมันไม่ได้ มันขัดใจจจ หรือว่า.. เราต้องไปซื้อ Gaming Keyboard สักอันมาเป็นคีย์บอร์ดคู่ใจของเราซะแล้ว

ทำไม? คีย์บอร์ดสำนักงาน มันถึงไม่เร้าใจ เหมือนกับคีย์บอร์ดเกมมิ่ง วันนี้ GagangTech จะมาคลายทุกข้อข้องใจ

พร้อมแนะนำวิธีการเลือกซื้อ Gaming Keyboard อีกด้วย

 

ต้องบอกเลยว่า คีย์บอร์ด (Keyboard) คือหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรับข้อมูล (Input Device) จากผู้ใช้งาน (User) ให้สามารถป้อนข้อมูลลงไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ โดยคีย์บอร์ดทั่วไป เราจะเรียกว่า “คีย์บอร์ดปุ่มยาง” หรือ Membrane Keyboard 

คีย์บอร์ดปุ่มยาง ไม่ได้หมายความว่าคีย์บอร์ดนั้นเป็นยางนิ่มๆ แต่อย่างใดนะ แต่หมายถึงคีย์บอร์ดนั้น มีส่วนผสม หรือองค์ประกอบที่เป็นแผ่นยางอยู่ ไม่ว่าคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นยางมาเลย หรือจะเป็นคีย์บอร์ดแบบปกติทั่วไป แต่ก็ล้วนมีองค์ประกอบเกี่ยวกับ ยางอยู่ทั้งสิ้น

โดยเจ้าองค์ประกอบที่เป็นยางนี้ ถูกบรรจุเอาไว้ตรงกลาง ระหว่าง แผงวงจร กับ คีย์แคบนั่นเอง เวลาเรากด คีย์แคบ (Keycap) ก็จะไปกระทบกับยาง ทำให้เกิดการเชื่อมต่อไฟฟ้ากันระหว่างปุ่มกับแผงวงจรนั่นเอง

ซึ่งองค์ประกอบง่ายๆของคีย์บอร์ดยางนี้เองทำให้คีย์บอร์ดยางมีราคาต่ำ และทำให้ค่อนข้างนิยมในหมู่สำนักงาน จึงเป็นที่มาว่า ทำไมคีย์บอร์ดสำนักงาน ถึงมักจะเป็นแบบเดียวกันหมดนั่นเองครับ

ซึ่งคีย์บอร์ดสำนักงานนั้น มีสัดส่วนการใช้งานที่แพร่หลายมาก คนส่วนใหญ่จะใช้เป็นคีย์บอร์ดเริ่มต้น เพราะมีความทนทาน ตราบใดที่แผงวงจรไม่เสียหาย ตัวคีย์บอร์ดก็แทบจะไม่มีการพังเลย ไม่ว่าจะเป็น 5 ปี 10 ปีก็สามารถใช้ได้อยู่

แต่ด้วยฟิลลิ่งมันไม่ได้เหมาะกับเกมเมอร์ขนาดนั้น คีย์บอร์ดเกมมิ่ง (Gaming Keyboard) จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อชดเชยในส่วนนี้นั่นเอง

โดย Gaming Keyboard นี่มีหลากหลายแบบมาก แล้วแต่เราจะเลือกสรรกันเลย ซึ่งองค์ประกอบของ Gaming Keyboard ที่ยอดนิยมนั่นคือ

คีย์บอร์ดในสมัยก่อนนั้น มักนิยมเชื่อมต่อด้วยพอร์ต PS/2 ซึ่งจะจำแนกสี สีเขียวคือ สำหรับเชื่อมต่อเมาส์ สีม่วง คือ สำหรับเชื่อมต่อคีย์บอร์ด ซึ่งพอร์ตนี้จัดว่ามีอายุนานมากแล้ว และปัจจุบัน ลดความนิยมลงเรื่อยๆ บางเครื่อง ลดพอร์ตนี้ลงเป็นแบบ ผสมสี (Combo) คือเชื่อมต่อได้ทั้งเมาส์และคีย์บอร์ดเลย

แบบเลวร้ายสุดคือ ไม่มีพอร์ต PS/2 นี้มาให้เลย ซึ่งการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดจะต้องเชื่อมแบบ USB เท่านั้น ดังนั้น คีย์บอร์ดเกมมิ่งมักจะเป็น USB อยู่แล้ว หากซื้อ Gaming Keyboard มั่นใจตรงนี้ได้เลย

ซึ่งในคีย์บอร์ดสำนักงานก็ทะยอยเปลี่ยนมาใช้ USB ล้วนจนเต็ม ตลาดแล้วเหมือนกัน แต่ก็มีบางรุ่น ที่ยังเป็น PS/2 อยู่ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆ เองก็มีไม่น้อย เหมือนกันที่ยังมี PS/2 นี้อยู่

Anti-Ghosting คือเทคโนโลยีที่สามารถกดปุ่มได้พร้อมๆกันหลายๆปุ่ม ซึ่งเป็นข้อเสียของ Keyboard แบบ USB ที่ไม่สามารถรับคำสั่งได้หลายปุ่มพร้อมกัน (ในขณะที่ PS/2 ทำได้)

Ghosting คือชื่อเรียกอาการหลอนเวลากดพร้อมกันหลายปุ่ม ทำให้กดผิด เพี๊ยน หรือไม่ติดบ้าง เหมือนผีเข้าผีออก

จึงทำให้ Gaming Keyboard จำเป็นต้องมีฟีเจอร์นี้ โดยอย่างน้อย 10 ปุ่มพร้อมกันเพราะเรามีนิ้วที่สามารถกดปุ่มได้พร้อมกัน 10 นิ้ว แต่โดยส่วนมาก จะให้ฟีเจอร์นี้มาเกินการใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้นหากใช้ Gaming Keyboard ก็ไม่ต้องกลัว ว่าเราจะเล่นเกมสะดุด เพราะกดคีย์บอร์ดพร้อมกันไม่ได้

Function Key คือ ปุ่มคีย์อะไรก็ได้บนคีย์บอร์ด ที่เพิ่มเติมมาให้ โดยที่คีย์นั้น เป็นปุ่มว่างๆ ไม่ได้มีหน้าที่อะไร รอให้เรากำหนดหน้าที่พิเศษให้มันนั่นเอง เช่น ตั้งเป็นปุ่มลัดในการเข้า แอพพลิเคชั่น เป็นต้น

Multimedia Key คือ ปุ่มที่เพิ่มเติมมาให้ สำหรับใช้งานทั่วไป เช่น เพิ่ม ลดเสียง เปลี่ยนเพลง หยุดเพลง เล่นเพลงต่อ ซึ่งตรงนี้ก็สำคัญสำหรับบางคนมาก ถ้ามีได้ก็ดีเลย

ซึ่งทั้งสองปุ่มนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีใน Gaming Keyboard ทุกรุ่นนะครับ เราต้องเลือกและอ่านสเปคให้ดี บางรุ่นก็ออกแบบดีไซน์ปุ่มพวกนี้มาได้ดีเลยทีเดียว

Macro คือฟังก์ชั่นที่จะว่าสำคัญ หรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ามีมาให้ก็ถือว่าสมบูรณ์ เพราะ Macro เป็นการเซ็ทการทำงานพร้อมกันหลายคำสั่ง ในการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว เช่น

เราต้องการใช้สกิล 1 สกิล 2 สกิล 3 พร้อมกัน แบบกดเพียงแค่ปุ่ม Q ปุ่มเดียว

หากเราจะทำแบบนี้ได้ เราจะต้องซื้อ Gaming Keyboard ที่สนับสนุนการตั้งค่า Macro Key นั่นเอง ซึ่งไอ้ Macro Key เนี่ย ก็ไม่ได้มีทุกรุ่นนะ ดังนั้น ควรอ่านสเปคให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

ไฟ Backlight ดูแล้วอาจจะเป็นของที่ตกแต่งแค่เพิ่มความสวยงาม แต่แท้จริงแล้ว ไฟ Backlight นั้นมีประโยชน์เยอะมาก 

• ช่วยให้มองเห็นปปุ่มอักษรได้เด่นชัดขึ้น ลดการพิมพ์ผิด
• ไฟส่องสว่าง สามารถใช้งานในที่มืดได้
• เพิ่มความสวยงาม น่าใช้งาน

ซึ่งไฟ  Backlight เองก็มีหลากหลายรูปแบบเลยทีเดียว มีทั้ง

• แบบ ไฟ LED สีเดียว
• แบบ ไฟ RGB แบ่งตาม Zone
• แบบ ไฟ ARGB เรนโบว์
• ปรับด้วยซอฟแวร์ได้/ไม่ได้

ซึ่งก็ต้องดูในสเปคของ Gaming Keyboard อีกแหละครับ ว่ารองรับแบบไหน แล้วเลือกตามการใช้งานได้เลย

Gaming Keyboard จะนิยมมีดีไซน์ที่ดุดัน เอาใจความเป็นเกมเมอร์สูง ให้ความรู้สึกทนทาน ไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนคีย์บอร์ดสำนักงาน ดูแล้วสามารถรองรับความหัวร้อนได้ ฮ่าๆ

ซึ่งด้วยเกณฑ์ข้อนี้ ทำให้ Gaming Keyboard จะมีฟิลลิ่งการกด ที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงมากกว่า คีย์บอร์ดสำนักงาน ที่ดูอ่อนปวกเปียก และอาจจะให้เสียงที่ดังน่ารำคาญกว่า คีย์บอร์ดสำนักงานธรรมดาอีกด้วย

ซึ่งไอ้ตรงฟีลลิ่งการกดเนี่ยแหละ ที่เราจะอธิบายในหัวข้อต่อๆไป เกี่ยวกับ Gaming Keyboard ในแบบต่างๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจกัน

Gaming Keyboard นั้นสามารถแบ่งได้หลากหลายแบบมากครับ โดยส่วนใหญ่ จะแบ่งตาม องค์ประกอบที่ใช้ ซึ่งมักจะส่งผลต่อฟีลลิ่งการกดอีกด้วย โดยองค์ประกอบของ Gaming Keyboard นั่นก็คือ

• แผงวงจร (Mainboard)
• คีย์แคป (Keycap)
• อุปกรณ์กลไกเชื่อมระหว่างคีย์แคปกับแผงวงจร
• บอดี้ (พลาสติก/อะลูมิเนียม)
• การเชื่อมต่อ มีสาย/ไร้สาย (Wired/Wireless)

ซึ่งองค์ประกอบเยอะแบบนี้ ต้องบอกเลยว่า มันค่อนข้างส่งผลต่อราคาของ Gaming Keyboard ตัวนั้นมากๆเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ เราจะมาเจาะลึกกันว่ามันแบ่งกันได้ยังไงบ้าง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คีย์บอร์ดแบบปุ่มยาง (Membrane Keyboard) นั้นนิยมใช้ในคีย์บอร์ดสำนักงานมาก ซึ่งทำให้มีราคาที่ถูก มันจึงยังถูกนำมาใช้ใน Gaming Keyboard ได้อีกด้วย

ซึ่งตรงนี้เอง เป็นเหมือนการยกระดับ (Upgrade) คีย์บอร์ดสำนักงานให้กลายเป็นเกมมิ่งเสียมากกว่า ไม่ถึงกับยกเครื่องใหม่ทั้งหมด 

ซึ่งทำให้ Gaming Keyboard ที่ใช้ การเชื่อมต่อแบบยางเช่นเดียวกับ Membrane Keyboard ถูกเรียกการเชื่อมต่อแบบยางนี้ ด้วยชื่อใหม่เล็กน้อย ด้วยชื่อ Rubber Dome

ซึ่งไอ้เจ้า Rubber Dome นี้จะให้ฟิลลิ่งที่คล้ายกันกับ คีย์บอร์ดยาง คีย์บอร์ดสำนักงานทั่วไป (Membrane Keyboard) แทบจะไม่ต่างกันเลย จึงถูกเรียกผสมผสานกันไป ทั้ง Membrane และ Rubber ด้วยความที่ไม่แตกต่างกันนัก แต่ที่จริงแล้ว ถือว่าเป็นคนละรุ่นคนละแบบกันนะ

ถึงแม้ว่าจะ Rubber dome เหมือนกันกับ Membrane แต่ว่าจะได้อัพเกรดในส่วนของดีไซน์ที่ดุดันขึ้น และคุณสมบัติอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ไฟ backilight , Anti-ghosting , Macro-Key , Multimedia เป็นต้น ซึ่งจะมีความเป็นเกมเมอร์ขึ้นนั่นเอง

โดย Gaming Keyboard แบบ Rubber Dome นี้จะมีราคาที่ถูกมากๆ โดยอาจจะแพงกว่า คีย์บอร์ดสำนักงาน แค่หลัก สิบ ถึงหลักร้อย จัดว่าเหมาะสำหรับคนงบประหยัดอย่างมาก

Semi Mechanical Keyboard คือ Gaming Keyboard ที่อัพเกรดมาอีกขั้น จาก คีย์บอร์ดแบบ Rubber Dome 

โดยมันจะใช้การเชื่อมต่อที่ยังคงเป็น ยางทั้งแผ่นเหมือนเดิม เพียงแต่จะได้อัพเกรดในส่วนของฟีลลิ่งการกด จากคีย์แคปที่กระทบกับตัว บอดี้เครื่อง ให้มีเสียงที่ดังสะใจขึ้น และมีการกดที่เด้งสู้มือมากขึ้น

ซึ่งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฟิลลิ่งการกดนั้น Semi Mechanical คือคีย์บอร์ดที่ใช้แผ่นยาง Rubble Dome ที่ให้มีฟิลลิ่งคล้ายกับ Red Switch ของ Mechanical Keyboard

รวมถึงยังสามารถปรับแต่ง คีย์แคปจากการดึงอันเก่าออก แล้วใส่อันใหม่เข้าไปแทนได้ด้วย ซึ่งตรงนี้เอง คือที่ Gaming Keyboard แบบ Rubber Dome แท้ๆ กับคีย์บอร์ดสำนักงานไม่สามารถทำได้

ซึ่ง คุณสมบัติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น USB หรือ Anti-Ghosting  หรือไฟที่สวยงาม ลูกเล่นแพรวพราว มีความเป็นเกมเมอร์อย่างมาก ก็มักจะยังคงมีอยู่ครบถ้วน

ที่สำคัญมีราคาถูกมากๆ สามารถจับต้องได้ในงบหลักร้อย ถือว่าคุ้มสำหรับคนที่อยากลองคีย์บอร์ดฟิลลิ่งคล้าย Mechanical  แต่งบน้อย เพราะ Mechanical Switch ดีๆ นั้นจะมีต้นทุนสูงมาก ทำให้ราคานั้นสูงโดดขึ้นไปไกล

และจากสเปคทั้งหมดที่ดูแล้วจะ ครึ่งๆกลางๆ มันจึงถูกจัดให้อยู่ระหว่าง Rubber Dome Keyboard และ Mechanical Keyboard มันจึงถูกเรียกว่า Semi Mechanical Keyboard นั่นเอง

ซึ่งเจ้า Semi Mechanical นี้จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆครับ แต่ต้องทำใจยอมรับข้อนี้ คือพื้นฐานของ Semi Mechanical  ยังคือคีย์บอร์ดยางอยู่ดี

Mechanical keyboard คือ คีย์บอร์ดที่ไร้ซึ่งองค์ประกอบที่เป็นแผ่นยาง โดยคีย์บอร์ดแบบ Mechanical จะทำงานโดยการ ใช้ กลไกลของปุ่ม หรือเรียกกันติดปากว่า Switch ในการเชื่อมต่อระหว่างคีย์แคป กับแผงวงจร

โดยเจ้า สวิตซ์ที่ว่านี่แหละ คือจุดเด่นของการทำงานของ คีย์บอร์ดแบบ Mechanical เลย เพราะในแต่ละปุ่ม จะมีสวิตซ์ที่แยกกันทำงานอย่างเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นแผ่นยางเดียวกันแบบปุ่มยาง ซึ่งมีข้อดีมากมายกว่าปุ่มยางเยอะ

โดยเมื่อเรากดปุ่มลงไปในคีย์บอร์ด คีย์แคปก็จะทำให้กลไกของ แมคคานิคอล ทำงาน โดยกลไกของแมคคานิคอล จะมีการทำงานในแต่ละสวิตซ์ที่แตกต่างกัน และเมื่อกลไกทำงานเสร็จสิ้น จะเป็นการเชื่อมต่อกับแผงวงจร และป้อนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์นั่นเอง

และอีกเอกลักษณ์ของ Mechanical keyboard คือ รสสัมผัส และเสียงเวลาคีย์แคปกระทบกับสวิตซ์นั่นเอง เพราะแต่ละสวิตซ์ก็จะให้เสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เพิ่มรสนิยมในการพิมพ์หรือเล่นเกมไปอีกขั้น

ดังนั้น Mechanical Keyboard จึงเป็นได้ทั้ง Perfect Gaming keyboard หรือ Perfect Working Keyboard แบบจบครบในตัวเลย หากใครที่ต้องการหาคีย์บอร์ดคู่ใจสักตัวแบบไปให้สุดทาง ก็ควรจะเลือก Mechanical Keyboard เพราะมันไม่ใช่การอัพเกรด แต่เป็นการเปลี่ยนใหม่ยกดุ้น ที่แทบจะไม่เหลือคราบของคีย์บอร์ดธรรมดาเลยแหละ แต่ข้อเสียของมันมีเพียงอย่างเดียวเลยก็คือ ราคาที่แพงลิบลิ่วเลย

หากใครที่อ่านบทความนี้แล้ว ต้องการจะซื้อ ก็แนะนำให้เจาะจงศึกษาไปถึงเรื่องของ Mechanical Keyboard อย่างเดียวไปเลย สามารถ อ่านได้ในบทความต่อๆไป บนสารบัญ เจาะลึก Mechanical Keyboard The Series ที่จะทำเป็นลิงค์กดอ่านได้อย่างสะดวกได้เลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวของ ดูก่อนซื้อ! Gaming Keyboard พิเศษอย่างไร? แอดหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่กำลังพิจารณาเลือกซื้อ Gaming Keyboard ตัวเก่งอยู่ ให้พิจารณาหลักๆก็ตามที่ท่านอ่านไปได้เลย

อย่างไรก็ตามหากชอบบทความอย่าลืมติดตามเพจ GagangTech และช่อง Youtube GagangTech เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย