เจาะลึก Mechanical keyboard คืออะไร มีกี่แบบ ทำไมถึงครองใจเหล่าเกมเมอร์

แน่นอนครับ ว่าการเล่นเกมให้เป็นดั่งมือโปร หรือการเล่นเกมให้ชนะในหนึ่งเกม สกิลหรือทักษะของผู้เล่นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด รองมาก็เป็นระบบทีมเวิร์ก ในเกมที่ต้องใช้การเล่นเป็นทีม

แต่หนึ่งสิ่งที่เกมเมอร์นั้นขาดไม่ได้ นั่นก็คืออุปกรณ์เกมมิ่งเกียร์แบบจัดเต็ม ที่จะช่วยเพิ่มจิตวิทยาเกี่ยวกับสกิลเพลของเรา ว่าเราเก่งขึ้น เจ๋งขึ้น เพราะได้ใช้อุปกรณ์ดีนั่นเอง และอุปกรณ์ด้านเกมมิ่งที่มาแรงในเวลานี้มากๆ นั่นก็คือ Mechanical keyboard นั่นเอง วันนี้ เราจะมาเจาะลึกกันถึงพริกถึงขิงว่า

 Mechanical keyboard คืออะไร มีกี่แบบให้เลือกบ้าง

 

แอดไม่ได้บอกว่าการมี Mechanical keyboard คือการที่จะทำให้เราเป็นโปรเพลเยอร์นะ แต่แอดหมายความว่า แมคคานิคอล คือการอัพเกรดอีกขั้นสำหรับโปรเพลเยอร์นั่นเอง นั่นหมายความว่า

“ถ้าเราคิดว่าเราเล่นเกม เก่ง โหด เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่มีอุปกรณ์เกมมิ่งดีๆเลย ก็จงหามาไว้ในครอบครองซะ แล้วจะเข้าถึงการอัพเกรดอีกขั้นของโปรเพลเยอร์อย่างแท้จริง”

       คีย์บอร์ด (Keyboard) คืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรับข้อมูล จากผู้ใช้งาน ซึ่งในบทที่แล้วเราก็ได้พูดเกี่ยวกับ Gaming keyboard ไปแล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน กดอ่านได้ที่สารบัญเลย และวันนี้เราจะมาเจาะจงแค่ Mechanical Keyboard เท่านั้น

Mechanical keyboard คือ คีย์บอร์ดที่ไร้ซึ่งองค์ประกอบที่เป็นแผ่นยาง แต่จะทำงานโดยการ ใช้ กลไกลของปุ่ม (Switch) ในการเชื่อมต่อระหว่างคีย์แคป กับแผงวงจร แทน

โดยเมื่อเรากดปุ่มลงไปในคีย์บอร์ด คีย์แคปก็จะทำให้กลไกของ แมคคานิคอล ทำงาน โดยกลไกของแมคคานิคอล จะมีการทำงานในแต่ละสวิตซ์ที่แตกต่างกัน และเมื่อกลไกทำงานเสร็จสิ้น จะเป็นการเชื่อมต่อกับแผงวงจร และป้อนข้อมูลลงคอมพิวเตอร์นั่นเอง

และอีกเอกลักษณ์ของ Mechanical keyboard คือ รสสัมผัส และเสียงเวลาคีย์แคปกระทบกับสวิตซ์นั่นเอง เพราะแต่ละสวิตซ์ก็จะให้เสียงที่แตกต่างกัน ทำให้เพิ่มรสนิยมในการพิมพ์หรือเล่นเกมไปอีกขั้น

เสมือนว่าเรากำลังเลือกกินข้าวอะไร แล้วจะได้รสชาติ ได้กลิ่นแบบไหนเลยล่ะ

     และจากจุดเด่นสำคัญของ Mechanical keyboard คือการทำให้การเล่นเกมนั้นยอดเยี่ยมขึ้นมาก ทำให้มีความนิยมอย่างมากหมู่เกมเมอร์โปรเพลเยอร์ เพราะ คีย์บอร์ดแบบ Mechanical นั้นมีการปรับแต่ง หรือเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง เสมือนกับเราแต่งคอม หรือแต่งรถให้ได้ดั่งใจ

ไม่ว่าจะเป็น ส่วนของ คีย์แคป (Keycap) สวิตซ์ (Switch) สามารถเปลี่ยนและแต่งได้หมด รวมถึงคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นใหม่ จะมีการปรับแต่งไฟ RGB มาให้ในตัวเพิ่มความสวยงามเข้าไปอีก นอกจากนี้แล้ว

หากเราต้องการความโปรขึ้นอีกให้เลือกใช้ Cherry Switch Mechanical keyboard คือ สวิตซ์ จากประเทศเยอรมัน ที่มีความคงทนเอามากๆ ไม่ว่าจะกดรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่มีอาการพังให้เห็นแต่อย่างใด หรือจะหัวร้อนทุบโต๊ะ จนคีย์บอร์ดตกกระจาย ก็สามารถเอามาประกอบกลับใหม่ ใช้งานได้เหมือนเดิม

ถ้าหากไม่มีน้ำลงไปโดนแผงวงจรไม่ช๊อตเสียหาย (ซึ่งยากมากๆ เพราะ คีย์บอร์ดแมคคานิคส่วนใหญ่จะซ่อนแผงวงจรไว้อย่างดี ทำให้น้ำซึมเข้ายาก)  ก็แทบจะไม่มีวันเจ๊งเลยทีเดียว เรียกได้ว่า แต่งได้ดั่งใจ ทนทายาท ได้เสียงและอรรถในการพิมพ์ เต็งหนึ่งเรื่องคีย์บอร์ดเลย

Mechanical keyboard คือ Keyboardที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะมีหลายแบบมาก จนอาจจะงงและตาลายเวลาเลือกซื้อกันเลยทีเดียว แต่เวลาจะซื้อนั้นจริงๆแล้วมีเรื่องให้ต้องพิจารณานิดเดียวเท่านั้น

Mechanical keyboard คือ Keyboardที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะมีหลายแบบมาก จนอาจจะงงและตาลายเวลาเลือกซื้อกันเลยทีเดียว แต่เวลาจะซื้อนั้นจริงๆแล้วมีเรื่องให้ต้องพิจารณานิดเดียวเท่านั้น

อันดับแรก 1 – เช็คว่า ใช้สวิตซ์ของอะไรคีย์บอร์ดแมคคานิคอล มีสวิตซ์หลายแบบ หลายแบรนด์ ให้เลือกใช้ แต่แบรนด์ที่เป็นต้นตำหรับและยอดนิยมมากที่สุดคือ Cherry MX Switch ที่ Made in Germany ประเทศเยอรมัน ขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและมาตราฐานด้านคุณภาพของสินค้ามากๆ ดูรถยุโรปเป็นตัวอย่าง

เพราะฉะนั้น หากอยากเข้าถึงแก่นของ แมคคานิคอลจริงๆ ต้องดูว่าคีย์บอร์ดนั้นใช้สวิตซ์ของ Cherry MX หรือไม่ ถ้าใช่ก็จงรีบสอยได้เลย แต่ข้อเสียราคาอาจจะแพงกว่าสวิตซ์แบบอื่น ให้เตรียมเงินและพิจารณาตรงนี้ด้วย

หากงบน้อย ลองเลือกสวิตซ์ที่ผลิตจากจีน หรือทำคล้ายกับ Cherry  อย่างเช่น Gateron Switch , หรือ Kailh Switch ที่ยอดนิยมเช่นกัน

อันดับสอง 2 – เช็คว่า สวิตซ์ (Switch) เป็นแบบไหน

สวิตซ์นั้นมีหลายแบบมากๆ โดยแต่ละแบบจะแบ่งตามสีของ Switch โดยจะขอยกตัวอย่าง Switch ของ Cherry MX แล้วกันนะครับ ว่ามีสีอะไรบ้าง ให้เลือกตามสีและคุณสมบัติที่คิดว่าตรงตามใจที่เราต้องการใช้งาน หรือถ้าให้ดี ไปกดเองไปสัมผัสให้มากๆ ก่อนตัดสินใจดีที่สุด

โดยในบทความนี้จะอธิบายคุณสมบัติคร่าวๆ ของ สวิตซ์แต่ละสี ให้ได้อ่านประกอบการตัดสินใจกันในเบื้องต้น หัวข้อถัดไปนะครับ

Mechanical Keyboard ในประเทศไทยส่วนใหญ่นั้นจะใช้ Layout แบบ ANSI (American National Standards Institute) เพราะเป็นมาตราฐานในบ้านเรามานาน แต่เรื่องที่จะแตกต่างกันในคีย์บอร์ดแต่ละรุ่น จะเป็นการตัดปุ่มต่างๆ ที่ไม่สำคัญออกมากกว่า

ซึ่งการตัดปุ่มบางปุ่ม ที่ไม่สำคัญ จะทำให้ Mechanical Keyboard มีขนาดที่เล็กลง เบาลงมากขึ้น เหมาะสำหรับพกพา หรือทำงานได้ดีขึ้น

ซึ่งเราที่เป็นผู้ใช้ก็จะต้องตัดสินใจเลือกตามไลฟ์สไตล์ของตนเองดู ว่าเราเป็นคนใช้คีย์บอร์ดแบบไหน และเลือกซื้อตามแบบที่ตนเองใช้งาน

1. Full Sized 104 Keys

คีย์บอร์ดที่รูปลักษณ์แบบนี้ เป็นคีย์บอร์ดที่ยอดนิยมที่สุด และเป็นขนาดมาตราฐานทั่วโลก ไม่ใช่แค่ Mechanical Keyboard แต่เป็นขนาดที่มาตราฐานสำหรับคีย์บอร์ดทุกชนิด

ซึ่งข้อดีของ คีย์บอร์ดขนาดมาตราฐานนี้ คือการวาง Layout ของคีย์บอร์ดที่คุ้นชินกับทุกๆคน ทำให้การหลงพิมพ์ผิดนั้นยากมากขึ้น

และยังมาพร้อมกับปุ่ม Num Pad ที่ทำให้พิมพ์งานเอกสารต่างๆ ได้สะดวก

ในบางคีย์บอร์ดจะมีการเพิ่มปุ่ม Function หรือ Multimedia เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เราด้วย ทำให้ปุ่มมันจะเกินจาก 104 ปุ่ม ไปแต่ก็ไม่เป็นไร

ข้อเสียของ Keyboard แบบนี้มีอย่างเดียวคือ จะใหญ่เทอะทะ และใน Mechanical Keyboard Full-sized มักจะมาพร้อมกับน้ำหนักที่มากกว่าปกติพอสมควรเลยทีเดียว

2. 1800-Compact 96 Keys 

คีย์บอร์ดแบบที่ 2 นี้ จะมีความคล้ายกันกับ Full-sized แต่จะมีความกะทัดรัดมากขึ้น จากการตัดคีย์ที่ไม่จำเป็นบางคีย์ออกไป จนเหลือเพียง 96 ปุ่ม เท่านั้น (หรืออาจจะมากกว่า)

ซึ่งข้อดีคือ ทำให้รูปร่างพกพาง่ายขึ้นมาอีกนิด และยังมี Num Pad ให้ใช้อยู่ สำหรับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้นะ และต้องพกพาด้วย ให้ลองพิจารณาดูแบบ 96 Keys ดีกว่า

ข้อเสียก็มีอยู่อย่างแน่นอน การที่ตัดปุ่มไม่จำเป็นออกไป นั้นรวมถึง Multimedia Keys ต่างๆ ด้วย ทำให้อาจจะไม่สะดวกที่ เวลาต้องกดเพิ่มลดเสียงอะไรที ก็ต้องกดปุ่ม FN + กับ ปุ่มลัดต่างๆ

และการจัด Layout ของมันค่อนข้างแน่นมากๆ ทำให้การวางมือพิมพ์ปุ่ม ลูกศร , Delete หรือปุ่มตัวเลข อาจจะพิมพ์พลาดได้

3. Ten Key Less (TKL) 87 Keys

TKL Mechanical Keyboard คือ Keyboard ที่ถูกตัดปุ่ม Num Pad ออกยกชุดเลย ทำให้เหลือปุ่มอยู่ประมาณ 87-88 ปุ่ม

TKL นั้นยอดนิยมในหมู่นักเล่นเกมมาก เพราะการตัดปุ่ม Num Pad ออกไป นั้นไม่ได้กระทบต่อการเล่นเกมแต่อย่างใด และทำให้ขนาดของมันกะทัดรัดมากขึ้นไปอีก สามารถพกพาไปเล่นเกมที่ไหนก็ได้ง่ายจริงๆ

และใน คีย์บอร์ด TKL บางรุ่น ก็มีดีไซน์ Keycap และ Switch ที่บางลง ทำให้ไม่หนาเทอะทะ ดูดีเลยทีเดียว

ซึ่งข้อเสียของ TKL คีย์บอร์ดคงมีอย่างเดียวคือ ปุ่ม Num Pad และ Multimedia Keys ที่หายไปนั่นเอง 

4. Compact Keyboard 60 Keys

Compact คือจุดสูงสุดของ คีย์บอร์ดสำหรับพกพาแล้ว เพราะมันเล่นตัดทุกอย่างออกเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น Multimedia Keys , Num Pad , Function Keys , Other keys ต่างๆ เช่น Print screen keys , Del keys , ins keys เป็นต้น

ซึ่งทำให้การใช้งานสำหรับคนที่ใช้แบบ Full-sized มาใช้ มันลำบากเอามากๆ เพราะทุกอย่างมันต้องกด FN + แทบทั้งหมดเลย

แต่ข้อดีอย่างมากเลยคือมันเล็กพอๆกับคีย์บอร์ดบนโน๊ตบุคส์เลย เบา กะทัดรัดที่สุด พกพาได้อย่างดี และยังใช้พิมพ์งานต่างๆได้ไม่เลวเลย

ซึ่งข้อเสียร้ายแรงของคนไทยคือ การตัดปุ่มตัวหนอนเนี่ยแหละ ที่มันมักจะไม่มี เพราะเราต้องใช้เปลี่ยนภาษาทุกวัน (ตัดอะไรก็ได้ แต่อย่าตัดตัวหนอนเลย! ขอร้อง)

คีย์บอร์ดแมคคานิคอล มีสวิตซ์หลายแบบ หลายแบรนด์ ให้เลือกใช้ แต่แบรนด์ที่เป็นต้นตำหรับและยอดนิยมมากที่สุดคือ Cherry MX Switch ที่ Made in Germany ประเทศเยอรมัน ขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและมาตราฐานด้านคุณภาพของสินค้ามากๆ ดูรถยุโรปเป็นตัวอย่าง

เพราะฉะนั้น หากอยากเข้าถึงแก่นของ แมคคานิคอลจริงๆ ต้องดูว่าคีย์บอร์ดนั้นใช้สวิตซ์ของ Cherry MX หรือไม่ ถ้าใช่ก็จงรีบสอยได้เลย แต่ข้อเสียราคาอาจจะแพงกว่าสวิตซ์แบบอื่น ให้เตรียมเงินและพิจารณาตรงนี้ด้วย

หากงบน้อย ลองเลือกสวิตซ์ที่ผลิตจากจีน หรือทำคล้ายกับ Cherry  อย่างเช่น Gateron Switch , หรือ Kailh Switch ที่ยอดนิยมเช่นกัน

และสวิตซ์นั้นมีหลายแบบมากๆ โดยแต่ละแบบจะแบ่งตามสีของ Switch ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับอธิบายคุณสมบัติของ สวิตซ์แต่ละสี ที่แตกต่างกัน จะอธิบายในบทความ 03 ถัดไปนะครับ ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถเลือกอ่านได้ที่ลิงค์บนสารบัญได้เลย

คีย์แคปใน Mechanical keyboard คือปุ่มต่างๆที่เรากดพิมพ์กันนั่นแหละ

คีย์แคปที่ใช้ในการติดตั้งบนสวิตซ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนอกจากให้เสียงที่แคปกระทบกับ PCB ของคีย์บอร์ดที่แตกต่างกันแล้ว ยังรวมถึงวัสดุ คุณสมบัติ ความคงทนที่แตกต่างกันด้วย

ซึ่งชนิดของ Keycap ในท้องตลาดที่พบเจอได้ทั่วไปตอนนี้ ก็มักจะทำจากพลาสติก

• คีย์แคปแบบ ABS
  จะผิวสัมผัสที่ดูมันวาวมากกว่า เป็นพลาสติกเกรดถูก เป็น Keycap ที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบัน
• คีย์แคปแบบ PBT
  จะให้ผิวสัมผัสที่สากมากกว่า และการพ่นสีในคีย์แคป PBT จะให้สีที่คงทน สวยงามกว่า PBT จะมีราคาที่แพงกว่า ABS
• คีย์แคปแบบ ABS หรือ PBT ที่ทำ Double Shot
  คือการเลือกตามวัสดุของ Keycap แบบใดแบบหนึ่ง แล้วนำมาทำ Double Shot ให้เป็น Layer 2 ชั้น 

ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ให้ฟิลลิ่งที่ต่างกัน รวมถึงการทำ Double shot เพื่อให้ไฟ Backlight สามารถลอดขึ้นมาที่ตัวอักษรได้ด้วย การเลือกวัสดุแล้วทำ Double Shot เพิ่มจะทำให้มีราคาแพงกว่า Keycap แบบปกติ แต่ถ้าหากคีย์บอร์ดเรามีไฟ RGB แต่ไม่ทำ Double Shot ละก็ ก็จะทำให้ไฟไม่ลอดมาที่ตัวอักษรนั่นเอง

สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องของการเชื่อมต่อ โดย Mechanical Keyboard ก็จะเป็นสาย USB ทั้งหมด (Wired) และมีคุณสมบัติความเป็นเกมมิ่งทุกอย่างแทบจะครบถ้วน ในบางรุ่นต้องการยังเป็น USB ชุบทองเหลืองอีกด้วย

และสำหรับการเชื่อมต่ออีกแบบที่มาแรงมากๆ นั่นก็คือ การเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) ที่สามารถเชื่อมได้ทั้งผ่าน Adaptor Wireless หรือผ่าน Bluetooth ที่ปัจจุบันพัฒนาความสเถียรแทบจะไม่ต่างจากแบบมีสายเลยทีเดียว

 ดังนั้นตอนซื้อก็อย่าลืมดูด้วยละกันว่าเราอยากเชื่อมต่อแบบไหน

• มีสาย (Wired) จะมีให้เลือกทั้ง USB-A และ USB-C
• ไร้สาย (Wireless) จะมีทั้งแบบ Adaptor Wireless 2.4Ghz และ Bluetooth 5.0 ขึ้นไป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเรื่องราวของ Mechanical Keyboard คืออะไร แอดหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่กำลังพิจารณาเลือกซื้อ Mechanical Keyboard ตัวเก่งอยู่ ให้พิจารณาหลักๆก็ตามที่ท่านอ่านไปได้เลย หากต้องการคิดต่อว่า จะใช้ Switch แบบไหน บน Mechanical Keyboard ดีล่ะก็ ให้อ่านบทความต่อไปได้เลย!

 

อย่างไรก็ตามหากชอบบทความอย่าลืมติดตามเพจ GagangTech และช่อง Youtube GagangTech เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย