สามารถฟังบทความแทนการอ่านได้แล้วนะ! คลุมดำ ข้อความที่ต้องการฟัง เว็บไซต์ก็จะช่วยอ่านให้อัตโนมัติ! หากต้องการหยุดอ่านให้กดปุ่ม Stop และอย่าลืมกด Allow ก่อนด้วย!
พูดถึงข่าวเทคโนโลยีเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและโทรคมนาคม อันร้อนแรงตอนนี้ คงหนีไม่พ้น อินเทอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ของประเทศไทย (หรือเรียกกันติดปากว่าเน็ตบ้าน , เน็ตไฟเบอร์ , เน็ต ADSL อะไรก็ว่ากันไป) ได้อันดับ 1 แรงที่สุดในโลก ในปี 2563 จากข้อมูลการทดสอบในเว็บไซต์ SpeedTest โดยได้ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 308.35 mb ล้มแชมป์เก่าอย่า สิงคโปร์ และฮ่องกง

การแข่งขันกันของธุรกิจค่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ราคาลดลงและประสิทธิภาพ สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้ประโยชน์ ได้ใช้อินเทอร์เน็ตที่คุณภาพสมราคา
ทั้งนี้โปรโมชั่นอินเทอร์เน็ตบ้านเราก้าวกระโดดอย่างมาก จากยุคที่ความเร็วบอร์ดแบรนด์แค่ 1MB ไปจนถึง 4MB 6MB 10MB และเริ่มก้าวกระโดดไปที่ 30 MB ตลอดจน 1 Gigabit
และธุรกิจเน็ตบ้านนั้นมีข้อดีหนึ่งอย่างคือ เมื่อมีการแข่งขันโปรจากค่ายคู่แข่ง การอัพเกรดสามารถทำได้โดยง่าย โดยค่ายอินเทอร์เน็ตสามารถปรับสปีดให้ทันที โดยปกติไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม
ยกเว้นกรณีที่จะต้องปรับเปลี่ยนระบบสาย กรณีระบบสายส่งสัญญาณคุณเก่าเกินไป ทำให้รีดประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ตจากต้นทางมาได้ไม่พอ เช่น จาก ADSL ปรับเป็น VDSL ตลอดจนปรับไปเป็น Internet Fiber Obtic ที่มีความสเถียรสูง ให้ความเร็วสูงระดับ Gigabit

บางคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าจริงๆแล้วโปรโมชั่นเน็ตบ้านที่คุณจ่ายราคาเต็มอยู่นั้น อาจจะไปได้ไกลกว่าที่คิด ลองหมั่นอัพเดทโปรโมชั่นและไปใช้สิทธิ์อัพเกรดอินเทอร์เน็ตของคุณ ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการอัพเกรด อุปกรณ์รับปล่อยสัญญาณอย่าง Router Internet ให้เป็น WIFI 6 รุ่นใหม่ด้วย
วันนี้ GagangTech จึงพามาศึกษาว่า WiFi 6 คืออะไร แล้วมันจะมีประโยชน์กับพวกเราได้อย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ สามารถเลือกดูได้จากสารบัญได้เลยครับ
1. WIFI 6 คืออะไร??

WiFi 6 คือ กลุ่มโปรโตคอลเครือข่ายไร้สายโดยใช้มาตราฐาน IEEE 802.11 รุ่นที่ 6 ที่ถูกคิดค้นโดย คำว่า “Wi-Fi” นั้นย่อมาจากองค์กร Wi-Fi Alliance ซึ่งเป็นชื่อเฉพาะ
ที่จะแตกต่างจากคำว่า “Wireless” ที่เป็นคำภาษาอังกฤษ มาจากคำว่า Wire แปลว่า สาย – Less คือน้อยที่สุด รวมกันเป็น ไร้สายนั่นเอง
โดย Wi-Fi ถือเป็นโปรโตคอลเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจัดว่าเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) ชนิดหนึ่ง และนอกเหนือจาก WiFi จากแล้ว ก็ยังมีเทคโนโลยีไร้สาย (Wireless) อื่นๆ เช่นเทคโนโลยี Bluetooth , เทคโนโลยี Infrared , เทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 5G เป็นต้น
โดย Wifi รุ่นที่ 6 มีรหัสเฉพาะตามมาตราฐาน IEEE คือ 802.11ax จะแตกต่างจากรุ่นก่อนซึ่งจะใช้เป็น มาตราฐาน 802.11ac นั่นเอง
WiFi นับเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายที่ยอดนิยมมาหลายสิบปี ซึ่งมักจะถูกติดตั้งมาใน Notebook หรือ SmartPhone ที่ต้องหิ้วไปไหนมาไหนบ่อยๆ เพื่อรับสัญญาณ Internet จากภายนอกบ้าน
แต่วันนี้เทคโนโลยี WiFi ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะเนื่องด้วยสมัยนี้ ทุกอุปกรณ์ล้วนต้องการการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ PC ที่ก็สามารถใช้เทคโนโลยี WiFi ได้เช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้หิ้วพกพาไปไหน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น
WIFI รุ่นที่ 6 จึงถูกพัฒนามาแทนที่ WIFI รุ่นที่ 5 ทำให้ WiFi 6 คือมีอัตราการรับส่งข้อมูลที่สูงขึ้น มีความจุของสัญญาณมากขึ้น รองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อเป็นจำนวนมากขึ้น และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเช่น OFDMA , Multi-user MIMO , TWT และอื่นๆ
2. WiFi 6 อัพเกรดอะไรจาก Wifi รุ่นก่อน มาบ้าง?

สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจน ของ WiFi 6 คือจะมีการขยายช่องความถี่ (แบนวิทด์) ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 9.6Gbps ซึ่งมากกว่า Wi Fi 5 ราวๆ เกือบ 3 เท่าตัว (WiFi 5 มีแบนวิทด์อยู่ที่ 3.5Gbps)
แบนวิดท์ (Bandwidth) ก็เปรียบเสมือนถนน ยิ่งเรามีถนนกว้างใหญ่ขึ้น มีช่องเลนเยอะขึ้น ก็ทำให้รถที่เปรียบเสมือนข้อมูล วิ่งได้มากขึ้น
- อัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ OFDMA (Orthogonal Frequency Division Multiple Access)
ที่จะช่วยแบ่งสัญญาณเป็นคลื่นย่อยๆ และอนุญาติให้รับส่งไปยังหลากหลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้เมื่อรวมกับแบนวิทด์กว้างขวางของ WiFi 6 แล้ว จะทำให้ลดการแออัดของ Channel ทำให้ไม่เกิดอาการดึงอินเทอร์เน็ตกันนั่นเอง - เทคโนโลยี OBSS และ Beamforming
เพิ่มความสเถียรของตัวกระแสสัญญาณที่ส่งไปยังทิศทางตำแหน่งต่างๆด้วย ทำให้การส่งสัญญาณนั้นไปได้กว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย - พลังของหน่วยประมวลผล Router ทรงพลังขึ้นมาก
และด้วยเทคโนโลยีต่างๆของ WiFi 6 นั้น ตัวจัดการการเชื่อมต่อ (Router) ต้องใช้พลังของหน่วยประมวลผลมากขึ้น Router ของ WiFi 6 จึงมาพร้อมกับระบบโปรเซสเซอร์ (หน่วยประมวลผล) ที่ทรงพลังมากกว่า Router รุ่นเก่าอย่าง WIFI 5 มากหลายเท่าตัวนัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นโบนัสในการอัพเกรด Router อีกด้วย
Router คืออุปกรณ์กลางที่จัดการกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ความปลอดภัยแข็งแกร่งขึ้นด้วยมาตราฐาน WPA 3
ในตัวรับสัญญาณ WiFi 6 ได้เพิ่มมาตราฐานด้านความปลอดภัย WPA3 (Wi-Fi Protected Access 3) รุ่นล่าสุด ที่เพิ่มระบบ Dragonfly Key Exchange (SAE) ทำให้การถูกถอดรหัส(แฮ๊ค) ได้ยากกว่าเดิมอีกด้วย - จัดการพลังงานดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี TWT
รวมถึงในตัวรับสัญญาณที่เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง โน๊ตบุคส์ หรือ SmartPhone WiFi 6 จะสนับสนุนเทคโนโลยี Target Wake Time (TWT) ซึ่งมีความชาญฉลาดในการพัก(Sleep) เมื่อไม่มีเครือข่าย W-Fi ให้เชื่อมต่อ และตื่น (Wake) เมื่อต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ทำให้การเปิด WiFi ในมือถือทิ้งไว้ไม่เปลืองพลังงานอีกต่อไป - รู้จักกับ WiFi 6E มาตราฐานล่าสุด
WiFi 6E จะพับเจอได้ใน สมาร์ทโฟน เมนบอร์ดหรือโน๊ตบุคส์ รุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง iPhone 13 , Intel Z690 หรือ Z590 เป็นต้น ซึ่ง WiFi 6E จะมีการเพิ่มย่านความถี่ 6GHz ที่มีแบนวิทด์สูงถึง 1200MHz เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อลดความแออัดของช่องสัญญาณ ซึ่งคุณสมบัตินี้จะอธิบายในข้อต่อไป
WiFi 6E คือ ตัวอัพเกรดจาก Wi-Fi 6 นั่นเอง
รวมถึงเทคโนโลยี WIFI 6 คือการทำให้ Router สามารถจัดการการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดระดับ Gigabit ทำให้ดึงความเร็วจากเครือข่ายได้อย่างเต็มที่
ทำให้เราได้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แรง สมราคา และมีความเสถียร มีค่าความหน่วง(Ping) ที่ต่ำมาก ไม่ต้องใช้สายแลนก็สามารถเทสสปีดดาวโหลดระดับ 200-300 MB/s ++ ได้อย่างสบายๆ
รวมถึงรองรับอุปกรณ์ได้มากมายกว่า WIFI รุ่นเก่าๆ (ที่ชอบมีปัญหาคนเชื่อมต่อเยอะแล้วช้า)
3. ข้อดีของ WiFi 6 กับยุค Wireless ไร้สาย ที่กำลังจะมาแรงในอนาคต
ต้องบอกเลยว่ายุคนี้ การที่เมนบอร์ดคอมพิวเตอร์มีการติดตั้ง WiFi 6 และ Bluethoot 5.2 มาให้พร้อมใช้งานตั้งแต่ในโรงงาน แบบเดียวกับ โน๊ตบุคส์ หรือ SmartPhone โดยที่เราไม่ต้องมาซื้อการ์ด WiFi แยก เป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะหลายคนได้ลองใช้ชีวิตโดยทีปราศจากสายรุงรัง แล้วค้นพบว่า ชีวิตนั้นมันดีขึ้นเยอะจริงๆ!
- ความเร็วของ Wi-Fi 6 ระดับ Gigabit Internet! หากใครที่คิดว่า การเล่นเกมใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยเน็ตแรงๆ ต้องใช้สาย Lan เท่านั้น นั่นเป็นความคิดที่เก่าไปแล้ว! อยากให้ได้ลองใช้การเชื่อมต่อด้วย WiFi 6 หรือ WiFi 6E ดูก่อนเพราะตามสเปคนั้น สามารถมอบความเร็วแบบไร้สายได้ถึงระดับ Gigabit หรือราวๆ 1700 Mbps ซึ่งถ้าหากคุณใช้โปรโมชั่น Internet ระดับ Gigabit จะเห็นได้ว่าการใช้สาย Gigabit Lan หรือจะใช้ WiFi 6 ที่สามารถวิ่งได้ระดับ Gigabit ก็ถือว่าเร็วไม่แพ้กันเลยทีเดียว

- Lan เสถียรกว่า จริงหรือ?แน่นอนว่า ตามความเชื่อ การเชื่อมต่อด้วยสาย Lan นั้นย่อมมีสัญญาณรบกวนน้อยกว่าการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless) แต่ต้องบอกว่า การเชื่อมต่อด้วย WiFi 6 คือจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Dual Band (แบ่งสองย่านความถี่) และใน WiFi 6E มีให้ถึง Tripple Band (สามย่านความถี่) เลยทีเดียว1. ย่านความถี่ 2.4 GHz (20 Mhz)เป็นย่านความถี่ดั้งเดิม จะให้ความเร็วที่ไม่สูงมาก แต่ให้ความกว้างในการส่งสัญญาณสูง เหมาะสำหรับ รับสัญญาณจากระยะไกล
ตัวรับสัญญาณ (เช่นโทรศัพท์) และ ตัวส่งสัญญาณ (Router) สามารถอยู่ห่างกันได้มาก แต่จะได้รับสัญญาณไม่เร็วมาก
2. ย่านความถี่ 5GHz (80Mhz) เป็นย่านความถี่ยอดนิยมในปัจจุบัน เพราะให้ความเร็วสูงตามมาตราฐาน WiFi 6 และมีความสเถียรภาพสูงมาก โดยสามารถวัดค่า Ping ได้ดีไม่แพ้สาย Lan เลยทีเดียว
เชื่อมต่อแบบ 5GHz จะไม่ไกลเท่า 2.4GHz แต่จะทำให้อินเทอร์เน็ตสเถียร วิ่งเต็มสปีด โดยที่เราไม่ต้องง้อสายแลนเลย
3. ย่านความถี่ 6GHz (180Mhz)เป็นย่านความถี่ใหม่ล่าสุด โดยจะมีอยู่ใน WiFi 6E เท่านั้น ซึ่งจะให้ความเร็วที่มากกว่า WiFi 6 และความสเถียรมากขึ้นกว่า 5GHz มาก
ถึงแม้ว่าจะมีความกว้างของสัญญาณลดลงกว่า 5GHz นิดหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่า WiFi 6E นั้นเทพแบบชนิดที่ว่า ไม่ต่างจากสายแลน เลย

- อิ่มเอมกับประสบการณ์ด้วยการจัดโต๊ะคอมแบบไร้สายนอกจาก WiFi 6 จะทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียบสายแล้ว ยังทำให้เราไม่ต้องกังวลที่จะติดตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ใกล้ๆ เร้าเตอร์ หรือวางเร้าเตอร์ไว้ใกล้ๆคอม หรือต้องลากสายแลน เดินมาไกลๆ เพื่อต่อกับคอมอุปกรณืเกมมิ่งเกียร์ยุคใหม่ ก็เน้นการใช้งานไร้สายมากขึ้น เช่น เมาส์ – คีย์บอร์ด เกมมิ่งไร้สาย , หูฟัง-ลำโพง ไร้สายก็กำลังมาแรง ชาร์จมือถือแบบไร้สายก็นิยมสุดๆ จะเห็นว่าเมื่อทุกอย่างไร้สาย โต๊ะคอมเราก็จะไม่รกอีกต่อไป!
4. วิธีเลือกซื้อเร้าเตอร์ (Router) WiFi 6 ดู/เลือกอย่างไร

- ชื่อรหัสรุ่นของ Router WiFi 6
Router Wifi 6 ส่วนใหญ่จะเขียนเลยว่า นี่คือ Router Wifi 6 แต่ถ้าหากไม่มีเขียน ให้ดูที่รหัสของ Router จะใช้รหัส AX เป็นหลัก เช่น AX1500 เป็นต้น (หากเป็น AC คือ Router รุ่นเก่า เช่น AC1200 แบบนี้คือรุ่นเก่า) - รหัสเสปคย่อยของ Router WiFi 6
ตัวเลขหลัง AX เช่น 1200 1800 3000 เป็นความเร็วในการรับส่งข้อมูล ระหว่างอุปกรณ์ตัวส่ง และตัวรับ เลือกตามความต้องการ (หากมีการติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาก ก็ให้เลือก Router ความเร็วสูงเพื่อขับอินเทอร์เน็ตให้ใช้งานผ่าน WIFI ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด) - Dual Band จะมีใน Router WiFi 6 ที่จะทำการแบ่งช่องสัญญาณ เป็น 2.4G และ 5G (WIFI ของคุณจะมีเน็ตให้เลือกต่อได้ 2 อันเลยเมื่อ Setup เสร็จ) โดย
– ช่องสัญญาณ 2.4GHz จะสามารถใช้กับอุปกรณ์เก่าๆได้
– ช่องสัญญาณ 5GHz และ 6GHz จะรองรับแค่ อุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น
Tripple Band จะมีใน Router WiFi 6E จะเพิ่มช่องสัญญาณ 6GHz ขึ้นอีกหนึ่งช่อง - เพื่อให้ใช้งาน WiFi 6 ในสัญญาณ 5GHz ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรอัพเกรดตัวรับสัญญาณ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
จะต้องใช้ตัวรับสัญญาณที่เป็น WIFI-6 เช่น
– iPhone รุ่น 12/12 Pro ขึ้นไป
– โน๊ตบุคส์ Intel Gen 9 ขึ้นไป หรือ AMD Ryzen 4000 ขึ้นไป
– เมนบอร์ดรุ่น Z390 ขึ้นไป หรือ AMD X470 ขึ้นไป
แต่ทั้งนี้ อุปกรณ์เก่าเองก็ สามารถใช้เครือข่าย 2.4GHz ใน WiFi 6 ได้ จะมีความกวนกันของสัญญาณน้อยลง ทำให้ใช้งานได้ดีขึ้นน้อยด้วย - อย่าลืมเช็คความเร็วเน็ตบ้านของคุณ เช็คสปีดอินเทอร์เน็ตที่บ้านคุณใช้โปรเท่าไหร่แล้วเน็ตช้าหรือไม่ ถ้าหากเน็ตยังช้าอยู่ รองเปลี่ยนเร้าเตอร์เป็น Wifi 6 ดูนะครับ เพราะตอนนี้เน็ตบ้านไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก…
สรุป + ทิ้งท้าย สูตรคำนวนความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบง่ายๆ
สรุปแล้ว ยังหาข้อเสียของ WiFi 6 และ WiFi 6E ไม่เจอเลยครับ คุณผู้อ่านต้องลองตัดสินใจดูแล้วล่ะ ว่าจะอัพเกรดวันนี้ เพื่ออนาคตของคุณหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะอัพเกรด ให้ดูความเร็วเน็ตบ้านเราด้วยนะ เน็ตบ้านของเราควรจะเป็นแบบ Fiber Optic โดยความเร็วสามารถเลือกเอาตามใจชอบเลย และวันนี้จะส่งท้ายให้ด้วยสูตรการคำนวนความเร็วเน็ตด้วย จะได้ไม่งงและก่ะประมาณความเร็วเน็ตที่เราต้องจ่ายโปรให้สัมพันธ์กับงานของเราได้
โปรโมชั่น อินเทอร์เน็ต ความเร็ว 10 Mbps ไม่ใช่ ดาวโหลดเร็ว 10 Mbps นะ!!
หลายครั้งที่หลงเชื่อกับคำโฆษณาความเร็วเน็ตของค่ายมือถือหรืออินเทอร์เน็ตต่างๆ ที่มักเรียกติดปากว่าความเร็ว 10 เม็กๆๆ แต่พอใช้จริงๆ ทำไมช้าบ้างอะไรบ้าง ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของสัญญาณด้วย แต่ส่วนหนึ่ง เราต้องนำความเร็วที่ค่ายโฆษณา มาคำนวนกับการใช้งานของเราก่อน
เพราะ!! 10 Mbps กับ 10MB/s ของเรานั้น ไม่เท่ากัน
10 Mbps นั้นคือ Megabits Per Sec (เมกะบิท ต่อ วินาที) ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลของบิต (Bit) ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกค่าแบนวิทด์นั่นเอง
แต่ 10 MB/s นั้น Megabytes Per Sec (เมกะไบท์ ต่อ วินาที) นั้นเป็นหน่วยข้อมูลของไบท์ (Byte) ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล (เช่น ดาวโหลด อัพโหลด เป็นต้น)
ซึ่งทั้งสองหน่วยนี้ มีความแตกต่างกัน จากสูตรคำนวนของเราก็คือ เอาตัวเลขหน่วย เมกะบิต ไปหาร 8 เพื่อแปลงเป็น เมกะไบท์ หรือ เอา เมกะไบท์ ไปคูณ 8 เพื่อแปลงเป็น เมกะบิต เพื่อคำนวนหา เพราะ 1 หน่วยไบท์ = 8 บิต นั่นเอง
เช่น Internet ความเร็ว 10 Mbps เมื่อหาร 8 ก็จะได้ความเร็วถ่ายโอนข้อมูล (อัพโหลด/ดาวน์โหลด) อยู่ที่เพียงแค่ 1.25 MB/s เท่านั้น
ซึ่ง 1.25 MB/s นั้นเพียงพอต่อการใช้งานของเราหรือไม่ ลองคิดดูเล่นๆ สมมุติดาวน์โหลดเกมที่มีขนาดไฟล์ราวๆ 4 GB ซึ่งเท่ากับ 4000 MB
เราจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะดาวน์โหลดเสร็จ โดยการนำ 4000 MB ไปหาร 1.25 MB/s จะได้เท่ากับ 3200 วินาที หรือประมาณ 53 นาทีเลยทีเดียว
ดังนั้น ถ้ามันช้าเกินไปสำหรับเรา และหากเราต้องการความเร็วดาวน์โหลด 10 MB/s จริงๆ เราต้องใช้ Internet ที่ให้แบนวิทด์เร็วอยู่ที่ 100 Mbps นั่นเองครับ
เพราะฉะนั้น นอกจากการอัพไปใช้ WiFi 6 แล้ว ตัวเลขที่ทางค่ายอินเทอร์เน็ตต่างๆ โฆษณา เป็นแบนวิดท์ตามจริงที่ปล่อยให้พวกเราได้ใช้ ไม่ใช่การหลอกลวงซะทีเดียว เพียงแค่เป็นการเล่นคำในเรื่องของหน่วย Mbps นิดหน่อย
ดังนั้นเราจึงต้องคำนวนก่อนการตัดสินใจซื้อโปรเน็ตนั้นๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด แล้วหลงคิดว่าเน็ตที่เราจ่ายเงินซื้อมานั้นเร็วหรือช้ากว่ามาตราฐานนั่นเอง
อย่าลืมกดไลค์และกดติดตาม ในเฟสบุคส์ >> GagangTech และ Youtube GagangTech จะได้ไม่พลาดข่าวสารและกิจกรรมดีๆ นะครับ
เมนบอร์ดที่ Intel Gen 12 ชิปเซ็ท Z690 มี WiFi 6E ติดตั้งมาให้แทบทุกตัวเลยนะ ลองดูเพิ่มเติมได้ที่ >> คลิก หรือ อ่านบทความ >> เมนบอร์ด Intel Gen 12 Z690 มีอะไรใหม่บ้าง ไปดู และ >> CPU Intel Core Gen 12 อัพเกรดมากแค่ไหน คุ้มค่าไหม ไปดูวว
Pingback: Best wifi 6 คือ 2022 - Noithatgobinhduong.com